ถอดปรากฏการณ์ “บ้านใหญ่-กลุ่มการเมือง”หลั่งไหลซบ “ภูมิใจไทย” ความหวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คว้า 150 ที่นั่ง เลือกตั้ง 2569 ไม่เกินเอื้อม

พรรคภูมิใจไทย เรียกได้ว่าเนื้อหอมที่สุดในเวลานี้ บรรดาบ้านใหญ่-กลุ่มการเมือง แห่เข้าร่วม ล่าสุดในการจัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา มีเปิดตัวอีกเพียบ ทั้งนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เตรียมพา สส. 10 คนลงเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย, นายสนธยาและนายวิทยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี, นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ. บ้านใหญ่ระยอง รวมถึง สส.เพื่อไทยคนดัง อย่าง นางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี และ นางสาวสรัสนันท์ อรรณพพร สส.ขอนแก่น

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชื่อว่า การหลั่งไหลเข้ามาของบ้านใหญ่จะเพิ่มความได้เปรียบให้ภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเชื่อว่ามีการประเมินไว้หมดแล้ว ทั้งทางพรรคภูมิใจไทยเองที่มองว่าเป็นบ้านใหญ่ตัวจริง มีโอกาสได้เก้าอี้ สส.และคะแนนเสียงเพิ่ม ขณะที่กลุ่ม สส.ที่ย้ายเข้ามา ก็ประเมินว่าคะแนนนิยมส่วนตัวของตัวเองอยู่เหนือกว่าพรรคที่สังกัด และจะยังได้รับเลือกในสมัยหน้า 


“ภูมิใจไทยเป็นคนไปจีบเป็นหลัก แต่คนที่อยากเข้าภูมิใจไทยก็มี แต่ไม่ใช่ว่าพรรคจะรับทุกคน ต้องมีการดูว่าในพื้นที่นั้นมีคนของพรรคที่แข็งแกร่งเพียงพออยู่แล้วหรือไม่ หรือคนที่พรรคไปจีบมาเพิ่มก็ต้องประเมินว่าแข็งแกร่ง สถานภาพกับพรรคเดิมเป็นอย่างไร”

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ

เพื่อไทย “ข้ามขั้ว” ไม่กลัวสอบตก 

ในกรณีของ สส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกมองว่าเป็นการย้าย “ข้ามขั้ว” อาจทำให้มีโอกาสสอบตกในสมัยหน้าหรือไม่ ดร.สติธร เชื่อว่า สส.กลุ่มที่เปิดตัวกับภูมิใจไทยได้ลงพื้นที่ไปประเมินฐานเสียงเรียบร้อยแล้ว ว่าหากย้ายพรรคจะยังได้รับเลือกหรือไม่ หรืออาจถึงขั้นถามหยั่งเสียงชัดเจนว่าถ้าหากย้ายไปภูมิใจไทย รับได้หรือไม่

เมื่อได้ข้อมูลชัดเจนแล้วว่าชื่อของพรรคเพื่อไทยอาจไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าแต่ก่อน และประชาชนเลือกจากตัว สส.มากกว่า ก็จะทำให้ตัดสินใจย้ายง่าย

นอกจากนี้คาดว่ายังมี สส.เพื่อไทยอีกจำนวนหนึ่ง ที่มีการพูดคุยย้ายค่ายแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างชัดเจน บางคนอาจมีบุญคุณ มีสายสัมพันธ์ที่เหนี่ยวแน่นกับพรรค เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ ก็อาจจะย้ายได้ยากกว่า แม้ประเมินแล้วว่าสามารถชนะเลือกตั้งได้ด้วยตนเองก็ตาม

“มีกลุ่ม สส.ที่อาจรอประเมินอีกทีหนึ่ง หรือถ้าสามารถหาเหตุผลหรือคำอธิบายที่ดีพอมารองรับการย้ายพรรคได้ เขาก็อาจจะตัดสินใจย้ายพรรคในช่วงโค้งสุดท้าย”

“วราวุธ” ไปภูมิใจไทยคุ้มกว่า

ในกรณีนายวราวุธ ศิลปอาชา ที่พา สส.ชาติไทยพัฒนา ซบภูมิใจไทย แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย

ดร.สติธร มองว่า นายวราวุธอาจมีการประเมินแล้วว่า การรักษาพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดพันธมิตร 2-3 จังหวัด มี สส.รวมกัน 10 เสียง เต็มที่ก็อาจจะได้แค่ร่วมรัฐบาลและ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี และต้องดูแลแง่ของงบประมาณและทรัพยากรในการเลือกตั้งเอง หากทางพรรคอยากจะเติบโตหรือมีบทบาทในการบริหารประเทศมากกว่านี้ การย้ายไปอยู่กับพรรคขนาดใหญ่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี

ซึ่งก่อนหน้านี้อาจมีการชักชวนจากเพื่อไทย และได้รับเกียรติเป็นถึงแคนดิเดตนายกฯ แต่เมื่อประเมินแล้วโอกาสได้นั่งตำแหน่งนี้คงยาก อย่างดีอาจเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากสถานะเดิมที่เคยเป็น


แต่หากมองว่าในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคอันดับ 1-2 คงไม่พ้นพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย และหากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เผลอๆ กลุ่มพรรคชาติไทยพัฒนาอาจได้ถึงตำแหน่งรองนายกฯ เปิดโอกาสให้สร้างผลงานได้มากกว่า 

แม้วันนี้คนอาจจะตั้งคำถามว่า พรรคชาติไทยมีความเก่าแก่ เป็นมรดกตกทอดมาจากท่านบรรหาร ศิลปอาชา ทำไมถึงทิ้งไปรวมกับภูมิใจไทยได้ลงคอ แต่ถ้าหากไปดูคะแนนบัญชีรายชื่อ จะพบว่าพรรคประชาชน (ก้าวไกล) มีคะแนนนำ แสดงว่าคนในพื้นที่ก็ไม่ได้ติดแบรนด์ชาติไทยพัฒนาขนาดนั้น

“เขาอยู่ได้ด้วยการเป็น สส.เขต ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและตระกูลมากกว่า คนในพื้นที่ผูกพันกับศิลปอาชา กับเที่ยงธรรม กับโพธสุธน มากกว่า ถ้าคนยังรักตระกูลเหล่านี้ต่อให้ย้ายค่ายไปพรรคอื่นเขาก็ยังเลือก ยิ่งถ้าสามารถทำประโยชน์ให้พื้นที่ได้มากขึ้น คนอาจจะชื่นชอบมากกว่าก็เป็นได้”


สส. 150 ที่นั่ง ไม่เกินเอื้อม

ดร.สติธร เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค วางตัวนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ และมีบ้านใหญ่ สส.ย้ายเข้ามาแล้วบางส่วน ว่าภูมิใจไทยอาจได้ สส.ถึง 150 คน


ซึ่งในการเปิดตัวบ้านใหญ่กลุ่มล่าสุดในการประชุมพรรคเมื่อ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่เหนือความคาดหมายมากนัก จึงยังประเมินไว้ที่ 150 ที่นั่งเช่นเดิม โดยแบ่งที่มาดังนี้

1. สส.พรรคภูมิใจไทยเดิม 70 คน คาดรักษาฐานเสียงไว้ได้

2. อดีตพรรครวมไทยสร้างชาติ ราว 30 คน

3. พรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน

4. พรรคเพื่อไทย ราว 30 คน โดยในกรณีของเพื่อไทย คาดการณ์ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอาจเป็นพรรค “ต่ำร้อย” โดยปัจจุบันมี สส.บัญชีรายชื่อ 30 คน สส.เขต 112 คน หากครั้งหน้าบัญชีรายชื่อหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือ 15 คน และ สส.เขต หายไปสัก 40 คน โดยอาจกระจายมาภูมิใจไทย 30 คน กล้าธรรม 10 คน

5. พรรคภูมิใจไทยได้ สส.บัญชีรายชื่อ และ สส.เขต เพิ่ม สะท้อนจากผลโพลการเมืองต่างๆ เช่น นิด้าโพล ที่พรรคภูมิใจไทย มีคะแนนความนิยม กว่า 10%

เชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน และยากที่พรรคอันดับ 1 จะได้จำนวน สส.ถึง 250 ที่นั่ง