ชายแดนระอุ! "เมียวดี" ปะทะหนัก กระสุนตกหน้า รร.ไทย กลางงานกีฬาสี มทภ.3 ลงพื้นที่ สั่งยิงกระสุนควันเต
23 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่าเกิดเหตุปะทะกันอย่างหนักระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) บริเวณบ้านมินละปั่น จังหวัดเมียวดี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของราษฎรไทยอย่างหนัก
.
โดยเหตุการณ์ระทึกขวัญเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขณะที่โรงเรียนบ้านแม่โกนเกนกำลังจัดกิจกรรมกีฬาสี ได้มีกระสุนปืนกลจากการสู้รบข้ามฝั่งมาตกบริเวณหน้าโรงเรียน สร้างความแตกตื่นให้กับคณะครูและนักเรียน จนทางโรงเรียนต้องรีบนำนักเรียนเข้าหลบในหลุมหลบภัย ก่อนประสานผู้ปกครองให้มารับบุตรหลานกลับบ้านอย่างเร่งด่วน
.
สถานการณ์ยังไม่สงบ เมื่อช่วงสายวานนี้ ได้มีกระสุนปืน ค. ไม่ทราบฝ่าย ตกลงกลางแปลงผักภายในบ้านเลขที่ 41 หมู่ 4 บ้านแม่โกนเกน แรงระเบิดทำให้สะเก็ดกระเด็นไปถูกบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5 หลัง รวมถึงสายไฟฟ้าและรถกระบะได้รับความเสียหาย
.
นางทองคำ อายุ 75 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เล่าด้วยความตกใจว่า นับว่าโชคดีที่ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน ปกติไม่เคยมีระเบิดมาลงแถวนี้ ทำให้ตอนนี้ตนไม่กล้าอยู่บ้านเดิม ต้องขอย้ายไปอาศัยบ้านอีกหลังชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
.
ล่าสุด พลโทวรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย พร้อมเปิดเผยว่า การที่มีกระสุนข้ามมาตกในเขตไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้ว จึงได้ขออนุมัติจากกองทัพบกเพื่อใช้มาตรการตอบโต้จากเบาไปหาหนัก โดยสั่งการให้ยิง "กระสุนควัน" จากปืนใหญ่ขนาด 120 มิลลิเมตร เพื่อเป็นการส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังฝั่งเมียนมาทันที
.
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ยังได้แจ้งผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ให้ประสานไปยังคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย ให้ควบคุมการสู้รบให้อยู่ในกรอบกติกา และระมัดระวังวิถีกระสุนไม่ให้ล้ำเข้ามาในเขตไทย หากยังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ฝ่ายไทยจำเป็นต้องยกระดับการตอบโต้ทางทหารให้เข้มข้นขึ้นตามความเหมาะสม
.
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์สู้รบดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงกว่า 300 คน หนีตายข้ามมายังฝั่งไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้จัดพื้นที่ปลอดภัยให้พักพิงชั่วคราวตามหลักมนุษยธรรมแล้ว